ปัญหาใต้ตาคล้ำและร่องลึกเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจและการมีภาพลักษณ์ที่ดูอ่อนล้า ฟิลเลอร์ใต้ตา จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
สาเหตุของปัญหาใต้ตา
ปัญหาใต้ตามีหลายสาเหตุ ได้แก่:
– การเสื่อมของชั้นไขมันใต้ตาตามวัย
– พันธุกรรม
– การพักผ่อนไม่เพียงพอ
– ความเครียด
– การขาดน้ำ
– การสูบบุหรี่
– การดื่มแอลกอฮอล์
– การได้รับแสงแดดมากเกินไป
ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร
ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบหลักคือกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย สารนี้มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำและช่วยเติมเต็มบริเวณที่มีร่องลึก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและมีความยืดหยุ่น
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
1. ผลลัพธ์เห็นได้ทันที
2. ไม่ต้องผ่าตัด ฟื้นตัวเร็ว
3. ความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับการผ่าตัด
4. สามารถปรับแต่งปริมาณได้ตามต้องการ
5. ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
6. กลับไปทำงานได้ทันที
7. ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การเตรียมตัวก่อนทำ
1. งดยาต้านการอักเสบและยาละลายลิ่มเลือด 1 สัปดาห์
2. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
3. งดอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
4. แจ้งประวัติการแพ้ยาให้แพทย์ทราบ
ขั้นตอนการรักษา
1. ทำความสะอาดผิวหน้า
2. ทายาชาเฉพาะที่
3. แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิคเฉพาะ
4. นวดเบาๆ เพื่อกระจายฟิลเลอร์
5. ประคบเย็นเพื่อลดการบวม
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์
1. ห้ามนวดหรือกดบริเวณที่ฉีดแรงๆ
2. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก 24 ชั่วโมง
3. งดอาบน้ำร้อน 24 ชั่วโมง
4. นอนหงายยกหัวสูง
5. ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม
6. หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
7. งดแต่งหน้าบริเวณที่ฉีด 24 ชั่วโมง
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย
– รอยช้ำ
– บวม
– แดง
– คัน
– รู้สึกไม่สบายเล็กน้อย
ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อย
– การติดเชื้อ
– การอุดตันของเส้นเลือด
– การเกิดก้อน
– ปฏิกิริยาแพ้
ใครควรและไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
เหมาะสำหรับ
– ผู้ที่มีร่องใต้ตาลึก
– ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำจากการมีเนื้อเยื่อบาง
– ผู้ที่ต้องการเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้ดวงตา
ไม่เหมาะสำหรับ
– สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร
– ผู้ที่มีโรคภูมิแพ้รุนแรง
– ผู้ที่มีแนวโน้มการเกิดแผลเป็นคีลอยด์
– ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณใบหน้า
– ผู้ที่มีโรคเลือดออกง่าย
การเลือกแพทย์และสถานพยาบาล
1. เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
2. ตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพ
3. เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
4. ศึกษาผลงานและรีวิวจากผู้เข้ารับการรักษา
5. ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสม
ค่าใช้จ่ายในการรักษา
ค่าใช้จ่ายในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะแตกต่างกันไปตาม:
– ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้
– ปริมาณที่ต้องการ
– ความเชี่ยวชาญของแพทย์
– สถานพยาบาล
โดยทั่วไปราคาจะอยู่ที่ประมาณ 15,000-30,000 บาทต่อครั้ง
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำและร่องลึก แต่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนการรักษาเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังการรักษาอย่างเคร่งครัด